
“แสงอาทิตย์ ลูกทรายกองดิน” กำปั้นดาวรุ่งดีกรีแชมป์มวยสากล วัย 21 ปี ยืนยันชัดเจนว่า “เสือแบล็ค ท.พราน 49” มวยกะเหรี่ยงพันธุ์เดือด วัย 28 ปี จากเพชรบุรี ไม่ใช่งานง่ายอย่างที่ทุกคนคิด และต้องทุ่มสุดตัวเท่านั้นหากอยากได้ชัยชนะมาครอง ในไฟต์ที่ทั้งคู่จะสู้กันภายใต้กติกาคิกบ็อกซิ่ง 140 ป. ในศึกนัดใหญ่ ONE ลุมพินี 114 ที่จะถ่ายทอดสดไปยัง 195 ประเทศทั่วโลก จากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.นี้
“แสงอาทิตย์” นักชกดาวรุ่งดีกรีอดีตแชมป์โลก WBA เอเชีย รุ่น 140 ป. ที่สามารถป้องกันตำแหน่งได้ถึง 9 ครั้ง และเป็นเจ้าของสถิติไร้พ่าย 19 ไฟต์ (น็อก 9) ได้โอกาสเซ็นสัญญาเข้าสู่ ONE เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเข้ามาสร้างตำนานบทต่อไปในรายการแข่งขันระดับโลก ตามรอยพี่เขยอย่าง “รถถัง จิตรเมืองนนท์” ที่มีดีกรีเป็นถึงอดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.)
หลังเซ็นสัญญาไม่นาน “แสงอาทิตย์” ได้โอกาสโชว์ฝีมือทันทีในศึกฉลองครบรอบ ONE ลุมพินี อีเวนต์ที่ 100 เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา และแม้จะหยุดชกไปนานเกือบ 2 ปี แถมยังเป็นการชกคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกในชีวิต แต่ “แสงอาทิตย์” ยังไว้ลายความเทพในทักษะมวยสากล ด้วยการกดหมัดฮุกขวาอัด “ซูปาร์ เย จัน” จอมแสบจากเมียนมา ลงไปโดนนับในยกที่ 2 ก่อนเข้าป้ายด้วยคะแนนเอกฉันท์ ประเดิมแต้มชัยแรกบนเวทีระดับโลกได้อย่างน่าประทับใจ
“เกมการชกวันนั้นในช่วงยกแรก ผมตื่นเต้นมาก ๆ เพราะไม่ได้ชกนานแล้ว พยายามพูดกับตัวเองว่าเราต้องชนะ เราต้องทําได้ หลังจบยกแรก ผมเริ่มจับจังหวะได้ และเริ่มทำได้ตามแผนที่วางไว้ในยกสอง ด้วยการเดินเบียดอาวุธต่อยหมัดจนได้ไปหนึ่งนับ ผมคิดว่าทำได้ค่อนข้างดี ส่วนยกสุดท้าย ช่วงต้นยกผมยังทำได้ดี แต่พอเข้าช่วงกลางจนถึงปลายยก ผมรู้สึกหมดแรง ต้องยอมรับว่าการห่างเวทีไปนานมีผลพอสมควรเลยครับ”
“ชัยชนะในไฟต์แรกถือเป็นสัญญาณที่ดีในการก้าวต่อไปของผม แต่ยังไม่ใช่ความสําเร็จ ผมมองว่ามันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น และไฟต์ต่อจากนี้ ผมจะต้องเหนื่อยมากขึ้นแน่นอน และต้องเรียนรู้พัฒนากันต่อไปครับ”
กลับมาครั้งนี้ “แสงอาทิตย์” ได้รับโอกาสให้ขึ้นชกในศึกนัดใหญ่เป็นครั้งที่ 2 โดยต้องพบกับนักชกเจเวที ONE อย่าง “เสือแบล็ค” ที่ไฟต์นี้นอกจากจะสลับมาโชว์ทักษะคิกบ็อกซิ่ง ครั้งแรกใน ONE แล้ว ยังเป็นการลดลงมาประเดิมสู้ในรุ่น 140 ป.อีกด้วย
แม้แฟนมวยส่วนใหญ่จะมองว่า “เสือแบล็ค” ที่ฟอร์มสะดุดมาแล้ว 3 ไฟต์คือด่านที่ “แสงอาทิตย์” จะผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ “แสงอาทิตย์” กลับมีมุมมองที่ต่างออกไป โดยมองว่านี่คืองานสุดท้าทายต่างหาก
“ถ้าใครบอกว่า เสือแบล็ค เป็นงานหมู ผมว่าเขาคงพูดเล่น เพราะถ้าลองวิเคราะห์ดี ๆ เขาเก่ง มีความสามารถเยอะมาก จังหวะออกอาวุธก็ออกได้เต็มที่ แต่ช่วงหลังที่เขาแพ้น็อกมา อาจจะเป็นเรื่องของจังหวะ หรืออาจจะวางแผนพลาดมากกว่า ทําให้ไม่ประสบความสําเร็จในไฟต์นั้น ถ้าเขาวางแผนมาดี ผมคิดว่าน่าจะเอาชนะนักมวยหลายคนได้”
“ผมรู้ตัวเองที่สุดว่า ผมมีประสบการณ์ชกมวยน้อยกว่าเขา เขาชกมวยก่อนผมและชก ONE มาก่อน เขาผ่านอะไรมาหลายอย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้เขาได้เปรียบผม แม้ว่าช่วงหลังฟอร์มจะตกลงไป อาจเสียความมั่นใจไปบ้าง แต่ฝีมือเชิงมวยยังดีอยู่ และผมคิดว่าขาน่ากลัวสำหรับผมด้วยซ้ำ เพราะคนที่ผ่านจุดต่ำสุดจะยิ่งมีแรงผลักดันสูงเพื่อกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดให้ได้”
การที่คู่ชกอย่าง “เสือแบล็ค” กำลังตกอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาต้องคว้าชัยให้ได้สถานเดียว เพื่อโอกาสก้าวไปต่อบนเส้นทางระดับโลก ทำให้ “แสงอาทิตย์” รู้ดีว่าเกมการชกในไฟต์นี้จะออกมาตื่นเต้นเร้าใจขนาดไหน ซึ่งเขาก็พร้อมแล้วที่จะแลกเดือดให้สาแก่ใจผู้ชมทั่วโลก เพื่อคว้าชัยชนะไฟต์ที่ 2 ติดต่อกันมาครอง
“จุดแข็งของ เสือแบล็ค คือการออกอาวุธหนัก รุนแรง และร่างกายแข็งแกร่ง มีการฟิตซ้อมที่สม่ำเสมอ ผมมองว่าเขาครบเครื่องนะ มีทั้งจังหวะหลอกต่อย หลอกเตะ ดักแทง แต่สุดท้าย ต้องดูในวันชกอยู่ดีว่าเขาจะเตรียมตัวมายังไง”

“ผมคิดว่าเกมไฟต์นี้จะออกมาเข้มข้นมาก ๆ มีแต่ความเดือดและความมัน เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะเท่านั้น เขาจะสู้สุดชีวิตเพื่อกดน็อกผมให้ได้ แต่ผมเองจะไม่ยอมง่าย ๆ เช่นกัน ผมจะขึ้นไปสู้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่จังหวะบนเวทีว่าใครจะพลาดก่อน”
“ไฟต์นี้จะแพ้หรือชนะผมไม่รู้ แต่ผมสัญญาว่าจะเรียนรู้และนําทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาพัฒนาเพื่อที่สักวันหนึ่งผมจะได้ไปถึงเป้าหมาย นั่นคือการคว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE มาครอง แบบ รถถัง พี่เขยของผม ฝากแฟนมวยทุกคนเป็นกําลังใจให้ผมด้วยนะครับ”
ติดตาม “แสงอาทิตย์ vs เสือแบล็ค” ศึกใหญ่ ONE ลุมพินี 114 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.นี้ แฟนกีฬาการต่อสู้ชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในราคาพิเศษ เริ่มต้น 1,000 บาท ผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น.