
“บันลือโลก ศิษย์วัชรชัย” จอมน็อกเอาต์ วัย 28 ปี จากสกลนคร ตั้งเป้าแจ้งเกิดระดับโลก ด้วยการเป็นนักสู้คนแรกในรอบกว่า 6 ปี ที่สามารถเอาชนะ “นาดากะ” ยอดฝีมือ วัย 24 ปี จากญี่ปุ่น ในไฟต์ที่ทั้งคู่จะสู้กันภายใต้กติกามวยไทย รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.) ในศึกนัดใหญ่ ONE ลุมพินี 114 ที่จะระเบิดความมันขึ้นในวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.นี้ จากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น.
จากอดีตแชมป์เวทีสยามอ้อมน้อยรุ่น 105 ป.และ 108 ป. ปัจจุบัน “บันลือโลก” ก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของวงการคิกบ็อกซิ่งไทย ในฐานะนักกีฬาทีมชาติที่สร้างชื่อให้ประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันคิกบ็อกซิ่งสมัครเล่นชิงแชมป์โลกที่อุซเบกิสถาน ในปี 2567 รวมไปถึงผลงานล่าสุดที่สามารถคว้าเหรียญทองมาคล้องคอต่อหน้าแฟน ๆ จากรายการคิกบ็อกซิ่งสมัครเล่นชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นในประเทศไทย เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้านผลงานบนเวที ONE ลุมพินี “บันลือโลก” เปิดตัวได้อย่างสวยงามด้วยการกดน็อก “เหนือธรณี จิตรเมืองนนท์” พร้อมรับโบนัส 3.5 แสนบาท เข้าบัญชี ในศึก ONE ลุมพินี 8 เมื่อเดือน มี.ค.66 ก่อนจะห่างหายจากสังเวียนไปนานกว่า 1 ปีครึ่งเนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัว รวมไปถึงการติดภารกิจรับใช้ทีมชาติไทยในฐานะนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งสมัครเล่น
หลังเคลียร์ภารกิจต่าง ๆ จนคิวว่างลงตัว “บันลือโลก” จึงหวนกลับมาโชว์ฝีมืออีกครั้ง ในศึก ONE ลุมพินี 84 เมื่อเดือน ต.ค.67 ซึ่งในวันนั้นเขาได้นำอาวุธมวยไทยมาผสานเข้ากับสเตปการเคลื่อนที่ของกีฬาคิกบ็อกซิ่งได้อย่างลงตัว และสามารถปิดเกมนักชกสุดแกร่งอย่าง “ทับทิมทอง สจ.เล็กเมืองนนท์” ลงได้ในยกสุดท้าย
ไฟต์ล่าสุดในศึก ONE ลุมพินี 106 เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา “บันลือโลก” ยกระดับความร้อนแรงขึ้นอีกขั้นด้วยการกดน็อกยกแรก “เพชรบ้านไร่ สิงห์มาวิน” พร้อมทำสถิติเก็บโบนัส 3.5 แสนบาท ทั้ง 3 ไฟต์ในรายการนี้ รวมมูลค่า 1.05 ล้านบาท (หนึ่งล้านห้าหมื่นบาท) ไม่รวมค่าตัว
“ไฟต์ที่ผมน็อก ทับทิมทอง เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แฟนมวยเริ่มหันมาสนใจผมมากขึ้น เพราะเขาไม่แพ้น็อกใครมานานมากแล้ว และไฟต์นั้นถือเป็นครั้งแรกที่ผมนำสเตปคิกบ็อกซิ่งมาประยุกต์เข้ากับอาวุธมวยไทย กลายเป็นสไตล์การชกมวยไทยรูปแบบใหม่ที่มีการออกอาวุธไวขึ้น มีสเตปเท้าเข้าออกไวขึ้น ซึ่งแฟนมวยไม่ค่อยเห็นนักชกไทยใช้กัน ทำให้กระแสตอบรับหลังจบเกมดีมากครับ”
“ไฟต์ล่าสุดผมยังชกในสไตล์มวยไทยผสมกับคิกบ็อกซิ่งเหมือนเดิมและเอาชนะทีเคโอได้อีก ผมคิดว่าการชกสไตล์นี้คือเอกลักษณ์ของผมไปแล้ว ต้องขอบคุณประสบการณ์จากการติดทีมชาติคิกบ็อกซิ่งที่ช่วยผมได้เยอะมาก ส่วนโบนัสที่ได้มาทั้ง 3 ไฟต์ ผมนำไปลงทุนทำฟาร์มไก่ของตัวเอง และแบ่งเก็บไว้ซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านสวนในอนาคตครับ”
เตรียมโชว์มวยไทยนอกตำรา
กลับมาครั้งนี้ “บันลือโลก” จะต้องขึ้นชกบนเวทีศึกใหญ่ ONE ลุมพินี เป็นครั้งแรก พบกับกระดูกชิ้นโตอย่าง “นาดากะ” สุดยอดนักชกรุ่นเล็ก ผู้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักมวยไทยชาวญี่ปุ่นที่เก่งกาจที่สุดในยุคปัจจุบัน จากการกวาดแชมป์มาครองจนนับไม่ถ้วน และปัจจุบันมีสถิติการขึ้นชกตลอดอาชีพอยู่ที่ชนะ 62 จากทั้งหมด 68 ไฟต์ และยังไม่แพ้ใครตลอดกว่า 6 ปี ที่ผ่านมา
“นาดากะ” ได้ประเดิมโชว์ฝีมือขั้นเทพให้แฟนหมัดมวยทั่วโลกได้เห็นไปแล้วในศึก ONE 172 ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการงัดอาวุธหลากหลายออกมาไล่ถล่มเอาชนะน็อก “รักษ์ เอราวัณ” ไปได้ในยกที่ 3 พร้อมเพิ่มสถิติชนะติดต่อกันเป็นไฟต์ที่ 37 ให้กับตัวเอง ก่อนจะเซ็นสัญญาเป็นนักกีฬาในสังกัดของ ONE อย่างเป็นทางการ เพื่อเข้ามาไล่ล่าความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยชื่อชั้นและดีกรีความสำเร็จตลอดที่ผ่านมา ทำให้กระแสส่วนใหญ่ต่างมองว่า “นาดากะ” จะชนะไฟต์นี้ได้ไม่ยาก แต่ “บันลือโลก” มั่นใจว่าตนไม่เหมือนกับนักมวยชาวไทยที่ “นาดากะ” เคยเผชิญหน้ามาก่อน และพร้อมงัดของดีทุกอย่างออกมาใช้ เพื่อสร้างสถิติเป็นนักชกคนแรกในรอบกว่า 6 ปี ที่สามารถปราบ “นาดากะ” ลงได้ ซึ่งจะเป็นทางลัดให้เขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน
“นาดากะ เป็นนักชกที่เก่งมากครับ จุดอ่อนของเขาแทบไม่มีเลย ส่วนจุดเด่นของเขาอยู่ที่ความว่องไว ทั้งด้านการออกอาวุธและการเคลื่อนที่เข้า-ออก และที่สำคัญคือ เขาไม่ใช่มวยที่ใครจะมากดนับหรือน็อกได้ง่าย ๆ เพราะสายตาไวมาก หากใครบุ่มบ่ามเข้าไปแบบไม่รัดกุม มีโอกาสโดนสวนหนัก ๆ แน่นอน”
“ไฟต์นี้ผมเน้นเรื่องการป้องกันตัวเป็นพิเศษครับ จะพยายามชกให้รัดกุมที่สุด พร้อมกับเตรียมอาวุธมวยไทยมาครบเหมือนเดิม ซึ่งในเรื่องของความไวและความคม ผมมั่นใจว่าไม่แพ้ นาดากะ แน่นอน เพราะผมผ่านประสบการณ์มวยไทยมาเยอะ และยังมีทักษะคิกบ็อกซิ่งระดับทีมชาติเข้ามาเสริมด้วย”
“ผมเชื่อว่า นาดากะ ยังไม่เคยเจอคู่ชกไทยที่ใช้สไตล์คิกบ็อกซิ่งแบบผมมาก่อน ซึ่งตรงนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมก็ได้ ต้องไปรอดูกันว่าเราจะแก้ทางกันยังไงบนเวที รูปเกมน่าจะออกมาชิงไหวชิงพริบกันสนุกแน่นอนครับ”

“ผมจะงัดทุกประสบการณ์ที่มีในชีวิตออกมาใช้เพื่อโชว์ผลงานสุดฝีมือ เพราะนี่คือไฟต์สำคัญที่สุดตั้งแต่ผมเริ่มชกมวยไทยมา มันคือบทพิสูจน์ว่าผมจะสามารถเอาชนะนักชกที่เก่งที่สุดในโลกในรุ่น 115 ปอนด์ ได้หรือไม่ ถ้าผ่าน นาดากะ ไปให้ได้ ชีวิตของผมคงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงครับ”
ติดตาม “นาดากะ vs บันลือโลก” ศึกใหญ่ ONE ลุมพินี 114 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.นี้ แฟนกีฬาการต่อสู้ชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในราคาพิเศษ เริ่มต้น 1,000 บาท ผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น.