
“ขุนศอกผีดิบ” เมืองไทย พีเค.แสนชัย กำปั้นพลังอึด วัย 31 ปี จากบุรีรัมย์ เผยความรู้สึกภายในใจ หลังล้างตาเอาชนะคะแนนคู่ปรับเก่า “คนไม่ยอมคน” เสกสรร อ.ขวัญเมือง จอมบู๊สายลุย วัย 36 ปี จากนครศรีธรรมราช ได้เป็นครั้งแรกในการพบกันเป็นครั้งที่ 5 ในศึกนัดใหญ่ ONE ลุมพินี 114 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ในอดีตทั้งคู่เคยปะทะกันมาแล้ว 4 ไฟต์ในกติกามวยไทย 5 ยก นวมใหญ่ โดย “เสกสรร” เป็นฝ่ายคว้าชัยได้ทั้งหมด แต่ครั้งนี้กลับมาเจอกันในกติกา มวยไทย 3 ยก นวมเล็ก “เมืองไทย” จึงทุ่มเทอย่างหนัก เพื่อหวังแก้มือและลบล้างความพ่ายแพ้ที่ค้างคามานาน
เกมการชกเป็นไปอย่างดุเดือด สมกับที่แฟนมวยทั่วโลกตั้งตารอชม ทั้งสองแลกอาวุธกันไม่ยั้งตลอด 3 ยก และเป็น “เมืองไทย” ที่คว้าชัยชนะไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์ พร้อมเรียกเสียงปรบมือทั้งในสนามและทางบ้านได้อย่างกึกก้อง
“พอระฆังยกแรกดัง เราเปิดเกมแลกกันเลย และมีจังหวะที่ผมปล่อยหมัดเข้าไปจนทำให้เขาอาการเหมือนกัน จริง ๆ ดูเหมือนไฟต์นี้ เขาจะไม่ดุเท่าไหร่ แต่พอได้ชกจริงแล้วเหนื่อยกว่าทุกครั้งเลยครับ ต้องใช้ทั้งลูกแก้ที่ฝึกมาจากที่ค่ายบวกกับลูกที่เราถนัดมารับมือ”
“ผมโดนอาวุธเขาแล้วรู้สึกว่าทนได้ ก็เลยมั่นใจว่ารับอาวุธเขาได้แน่นอน ในช่วงท้าย ผมจึงเปิดเกมแลกกันเต็มที่ แต่ต้องยอมรับเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาเขาลง เพราะเขาอึดทนมากครับ”
เมืองไทย ขอจบกับ เสกสรร ที่ภาค 5
หลังผ่านไฟต์สุดระทึก “เมืองไทย” ประกาศขอยุติความดุเดือดกับ “เสกสรร” ไว้เพียง 5 ครั้งเท่านั้น พร้อมมุ่งหน้าวัดฝีมือกับนักชกต่างชาติและนักชกไทยคนอื่น เพื่อสร้างผลงานให้ประทับใจบนเวที ONE ลุมพินี ต่อไป
“ผมดีใจมากที่ชนะ เสกสรร ได้เป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ผมแพ้เขามาตลอด ถ้าเป็นไปได้หลังจากนี้ขอไม่ชกกันอีกแล้วครับ เพราะเราสนิทกันมาก ขอไปเจอกับนักชกต่างชาติหรือคนอื่นก็ได้ จะได้เปลี่ยนสไตล์บ้างครับ”
ชัยชนะครั้งนี้เปรียบเสมือนการยกภูเขาหลายลูกที่กดทับอยู่ในใจมาตลอดหลายปีออกจากอก “เมืองไทย” ได้สำเร็จ อีกทั้งฟอร์มดุเดือดของทั้งสองยังเข้าตา บิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” จึงตัดสินใจมอบโบนัสย้อนหลังให้ทั้งคู่ คนละ 350,000 บาท เป็นรางวัลแห่งความมันดุเดือดในครั้งนี้
“ผมต้องขอขอบคุณทีมงาน ONE และ บอสชาตรี ที่มอบโบนัสย้อนหลังให้ผม ไฟต์ต่อไปผมจะทำหน้าที่ให้เต็มที่ ชกให้สนุก ให้คุ้มค่าที่ได้ชกในรายการ ONE ขอบคุณมากเลย
“ผมยังไม่หมดไฟ พร้อมมอบความสนุกให้แฟน ๆ ตลอดไป เท่าที่ร่างกายจะไหว ฝากทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้ผมต่อไปด้วยนะครับ”