
ย้อนดูจุดกำเนิดเส้นทางนักสู้ของ “เอลเมห์ดี เอล จามารี” นักสู้พลังแกร่ง วัย 27 ปี จากโมร็อกโก ก่อนที่เขาจะขึ้นชกไฟต์สำคัญกับ “อาลีฟ ส.เดชะพันธ์” กำปั้นฟอร์มฮอต วัย 21 ปี ลูกครึ่งไทย-มาเลย์ อีกหนึ่งคู่มวยน่าดูของศึก ONE Fight Night 32: อัลลิเซีย vs เชียร์ ที่จะส่งต่อความมันไปยัง 195 ประเทศทั่วโลก จากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 08:00 น. ในวันเสาร์ที่ 7 มิ.ย.นี้
#เกิดในครอบครัวนักสู้
“เอลเมห์ดี” หวนระลึกถึงช่วงเวลาที่เขาเติบโตที่โมร็อกโก ในครอบครัวเอล จามารี ที่ผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น โดยมีพี่ชายทั้งสองคนเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้ก้าวเข้ามาอยู่ในโลกของศิลปะการต่อสู้
“ผมเกิดมาในครอบครัวแบบชาวอาหรับทั่วไป คือทุกคนในบ้านต่างใกล้ชิดกันมาก และพี่น้องก็ช่วยดูแลและสนับสนุนกันเสมอ คุณพ่อที่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้วเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนคุณแม่ของผมเป็นแม่บ้าน”
“โมฮัมหมัด พี่ชายคนโตเป็นคนทำให้เราสนใจฝึกศิลปะการต่อสู้ แม้เขาต้องเลิกไปก่อนเพราะมีอาการบาดเจ็บ แต่เขามีอิทธิพลกับพี่ชายอีกคนคือ ซากาเรีย และตัวผมมาก เขาเป็นคนพา ซากาเรีย ไปเรียนการต่อสู้ จากนั้น ซากาเรีย จึงพาผมตามไปฝึกที่ยิมอีกคน”
#เรียนมวยไทยตามพี่ชาย
เส้นทางการเรียนรู้ “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด” ของ “เอห์เมดี” เริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย โดยได้รับแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่องจากพี่ชายทั้งสองคน ทำให้เขาหลงรักมวยไทยและเริ่มฝึกซ้อมต่อเนื่องทันที
“ผมเริ่มฝึกซ้อมมวยไทยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยเริ่มจากการมี พี่ซากาเรีย เป็นคนฝึกซ้อมกันเองที่บ้านแบบไม่จริงจัง แล้วผมก็รู้สึกติดใจทันที”
หลังจากฝึกซ้อมกันเองได้ไม่กี่ครั้ง “เอลเมห์ดี” ได้มีโอกาสติดตามพี่ชายคนรอง “ซากาเรีย” ไปที่ยิม ก่อนจะจับพลัดจับผลูได้ลงนวมกับเด็ก 8 ขวบคนอื่น ๆ ซึ่งเมื่อโค้ชได้เห็นทักษะการตอบโต้และความแข็งแกร่งของเขา จึงชักชวนให้ “เอลเมห์ดี” เริ่มเข้ามาฝึกมวยไทยอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
#ค้นพบเป้าหมายในชีวิต
ด้วยพรสวรรค์ที่มีเป็นทุนเดิม ประกอบกับคำแนะนำจากพี่ชายที่คอยอยู่เคียงข้าง “เอลเมห์ดี” จึงสร้างชื่อขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักมวยไทยดาวรุ่งชั้นนำของตะวันออกกลาง โดยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ระดับประเทศ 7 สมัย, แชมป์ทวีปแอฟริกา 2 สมัย และแชมป์ของอาหรับ 2 สมัย แม้ว่าเขาต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตที่ไม่ค่อยโสภานักก็ตาม
“ศิลปะการต่อสู้ช่วยผมไว้จากหลาย ๆ อย่าง ผมเติบโตมาในย่านที่อันตรายและมีอัตราการก่ออาชญากรรมสูง เป็นพื้นที่ที่ใช้ชีวิตอยู่ยาก แต่การฝึกมวยไทยทำให้ผมอยู่ห่างจากเพื่อนที่ไม่ดีและยาเสพติด”
ความมุ่งมั่นและทุ่มเทตลอดมาของ “เอลเมห์ดี” แสดงให้เห็นแล้วว่าคุ้มค่า เพราะทุกวันนี้เขายังคงเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องและประสบความสำเร็จในการแข่งขัน เมื่อเห็นว่าอนาคตบนเส้นทางนักสู้ยังไปได้ไกล เขาจึงตัดสินใจพักการเรียนทั้งที่ได้เข้าเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ในวิทยาลัยไปแล้ว 1 ปี และหันมาโฟกัสกับอาชีพนักมวยไทยอย่างเต็มตัว
#ก้าวสู่จุดสำคัญในอาชีพ
“เอลเมห์ดี” ตามรอยพี่ชาย “ซากาเรีย” เปิดตัวใน ONE ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเอาชนะน็อกในยกแรกเหนือคู่ชกขวัญใจเจ้าถิ่น “ทองพูน พีเค.แสนชัย” ในศึก ONE Fight Night 30 เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยถือเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจของเขาและครอบครัวในการคว้าชัยชนะบนเวทีมวยลุมพินีอันเป็นตำนาน
“ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของผมคือการเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ผมรอโอกาสนี้มานานมาก เรียกว่าตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้”
“ผมอยากขึ้นชกในเวทีมวยลุมพินีมาตลอด เคยดูรายการผ่านทางยูทูบ ไม่ใช่นักมวยทุกคนที่จะได้รับโอกาสให้ขึ้นชกที่นั่น เพราะมันคือสนามมวยที่ดีที่สุดในโลก ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมคือตอนที่ตัวเองได้เดินเข้าสู่สนามมวยเวทีลุมพินีเพื่อขึ้นสังเวียน”

โดย “เอลเมห์ดี” จะได้พิสูจน์ศักยภาพของตัวเองอีกครั้ง โดยจะต้องเจอกับ “อาลีฟ” ที่เคยเอาชนะพี่ชาย “ซากาเรีย” ไปก่อนหน้านี้ เขาจึงอาสารับหน้าที่มากู้ชื่อให้พี่น้องตระกูล “เอล จามารี” ให้ได้
ติดตาม “อาลีฟ vs เอลเมห์ดี” ศึก ONE Fight Night 32: อัลลิเซีย vs เชียร์ ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันเสาร์ที่ 7 มิ.ย.68 คู่แรกเริ่มเวลา 08.00 น.