“เสกสรร” เชื่อไฟต์บู๊ “เมืองไทย” มันถึงใจ แฟนมวยต้องปรบมือทั้งสนาม

คนไม่ยอมคนเสกสรร อ.ขวัญเมือง นักสายลุย วัย 36 ปี จากนครศรีธรรมราช พร้อมเสิร์ฟความมันเต็มพิกัด ด้วยการขนอาวุธมาครบมือ พร้อมเปิดฉากแลกเดือดย้ำชัยคู่ปรับเก่า “ขุนศอกผีดิบเมืองไทย พีเค.แสนชัย กำปั้นพลังอึด วัย 31 ปี จากบุรีรัมย์ ในกติกามวยไทย รุ่น 140 ป. ขึ้นป้ายคู่รองของศึกนัดใหญ่ ONE ลุมพินี 114 ที่พร้อมมอบความมันไปสู่ 195 ประเทศทั่วโลก จากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย. นี้

ผลงาน 5 ไฟต์หลังสุดของ “เสกสรร”

“เสกสรร” คืออีกหนึ่งนักชกบนเวทีของ ONE ที่เมื่อไหร่ที่แฟนมวยได้ยินชื่อก็รู้เลยว่าไฟต์นั้นต้องไม่มีคำว่าธรรมดา เพราะด้วยสไตล์การชกบู๊ดุดัน เดินหน้าอัดคู่ชกแบบไม่มีคำว่ายั้ง จึงทำให้เขากลายเป็นจอมบู๊ที่เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของแฟนมวยทั่วโลกในปัจจุบัน

นับจนถึงปัจจุบัน “เสกสรร” ที่ขึ้นชกมาตั้งแต่ศึก ONE ลุมพินี นัดปฐมฤกษ์ ได้ขึ้นสังเวียนมอบความมันให้แฟนมวยบนเวทีของ ONE ไปแล้วมากถึง 12 ไฟต์ และสามารถเก็บชัยชนะไปได้ถึง 10 ครั้งด้วยกัน พร้อมรับโบนัสจากบิ๊กบอส “ชาตรี” เข้าบัญชีไป 6 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 5,150,000 บาท (ห้าล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท) ไม่รวมค่าตัว

ไฟต์ล่าสุด “เสกสรร” ซึ่งเดิมทีชกในรุ่น 140 ป. มาตลอด ตัดสินใจเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาชกที่รุ่น 142 ป. เป็นครั้งแรก และถูก “เอซา เทน พาว” นักชกจากสหรัฐอเมริกา อัดร่วงลงไปกองถึง 3 นับ พ่ายทีเคโอไปในยกสุดท้าย ในศึก ONE Fight Night 30 เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา

แม้จะต้องพบกับความพ่ายแพ้แบบไม่ครบยกเป็นครั้งแรกบนเวที ONE แต่ “เสกสรร” ยังได้รับพลังใจล้นหลามจากแฟนคลับทั่วโลก รวมถึงจากครอบครัวที่อยู่เคียงข้างทำให้เขากลับมาฟื้นตัวทั้งร่างกายและจิตใจได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมกลับมาโชว์ฟอร์มเดือดให้แฟน ๆ ได้มันสะใจอีกครั้งในการเผชิญหน้ากับคู่ปรับเก่าอย่าง “เมืองไทย”

“ผมมีความรู้สึกมาตลอดว่าสักวันหนึ่งต้องได้เจอกับ เมืองไทย อีกครั้งแน่นอน เพราะเขาได้ขึ้นชกในรายการ ONE มาก่อน ส่วนผมเพิ่งเข้ามาใหม่ และวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ ซึ่งเราจะได้เจอกันในรายการใหญ่ด้วย”

“เสกสรร” และ “เมืองไทย” ถือเป็นอีกหนึ่งคู่เดือดที่แฟนมวยทั่วประเทศยังคงจำได้ไม่มีลืม หลังทั้งคู่เคยเผชิญหน้ากันในการแข่งขันมวยไทย 5 ยก มาแล้วถึง 4 ครั้ง และเป็น “เสกสรร” ที่คว้าชัยไปด้วยคะแนนเอกฉันท์ทั้งหมด และไฟต์นี้ทั้งคู่เตรียมหวนกลับมาเปิดศึกกันอีกครั้ง หลังจากเจอกันครั้งสุดท้ายในการแข่งขันที่สนามมวยลุมพินี เมื่อปี 2561

“สำหรับ เมืองไทย ผมยกให้เป็นคู่ปรับที่เจอทุกครั้งก็สนุกทุกครั้ง และ 4 ไฟต์ที่เจอกันไม่เคยมีใครโดนนับโดนน็อกเลย ชกกันสนุกสูสีกันมากแต่ถ้าถามว่าภาคไหนดุเดือดที่สุด ผมยกให้ภาคล่าสุด เพราะเราแลกกันทุกยกเหมือนโกรธกันมา จนแฟนมวยปรบมือให้ทั้งสนาม และวันนั้นคู่ของเราก็ได้คู่มวยดุเดือดด้วยครับ”

“เมืองไทย เป็นมวยที่มีลูกทรหด มีความอดทนและชอบเดินหาคู่ต่อสู้สไตล์เดียวกับผม จุดแข็งของเขาคือมีศอกหนัก และหัวใจสู้ ส่วนจุดอ่อน ผมมองว่าเขาชอบเปิดหน้า การป้องกันตัวยังถือว่าไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ ครั้งนี้ ผมเตรียมอาวุธมาครบทุกลูกพร้อมที่จะไปปะทะครับ”

หากการดวลกันในกติกามวยไทย 5 ยกที่ผ่านมายังออกมาสนุกสุดมันขนาดนั้น ก็ยิ่งน่าสนใจว่าไฟต์นี้ที่ทั้งคู่จะได้เผชิญหน้ากันในรูปแบบมวยไทย 3 ยกนวมเล็กเป็นครั้งแรก จะทวีคูณความสนุกไปได้อีกขนาดไหน ซึ่ง “เสกสรร” เองก็มั่นใจว่า ภาค 5 จะมันทะลุปรอทยิ่งกว่า จนอาจถึงขั้นกลายเป็นคู่มวยดุเดือดประจำรายการก็เป็นได้

“ตอนชกมวยไทย 5 ยก เราก็ใส่กันเต็มที่ตลอดครับ แล้วคราวนี้มาเจอกันในรูปแบบกติกามวยไทย 3 ยกนวมเล็ก ผมเชื่อว่าจะมันสุด ๆ แน่นอน และผมคิดว่าคู่ของเราจะเป็นคู่ที่ดุเดือดที่สุดในรายการด้วย ชนิดที่ว่าถ้าชกกันครบ 3 ยก แฟน ๆ จะต้องปรบมือกันทั้งสนาม อยากให้พี่น้องแฟนมวยรอติดตามครับ”

“ไฟต์นี้ เมืองไทย อยากมาชนะผมให้ได้เป็นครั้งแรก แต่ผมก็พร้อมสู้ เพื่อคว้าชนะเหมือนกัน เพราะว่าล่าสุดผมเพิ่งแพ้มา ไฟต์นี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสงครามคนไม่กลัวเมียอย่างพวกเรา ยังไงน้องก็ทําพี่เบา ๆ หน่อยนะ แล้วเจอกันครับ”

ติดตาม “เสกสรร vs เมืองไทย” ศึกใหญ่ ONE ลุมพินี 114 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.นี้ แฟนกีฬาการต่อสู้ชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในราคาพิเศษ เริ่มต้น 1,000 บาท ผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น.