สำหรับนักกีฬาต่อสู้ การฝึกฝนตนและพัฒนาทักษะสู่ความเป็นเลิศในศาสตร์วิชาแขนงใดแขนงหนึ่งนั้นต้องใช้เวลาและความอุตสาหะพยายามอย่างสูง กว่าจะได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะแชมป์โลก แน่นอนว่าการได้มาซึ่งเข็มขัดสีทองของ ONE เพียงหนึ่งเส้นก็ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่ยังมีนักกีฬาบางคนที่แสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมในศิลปะการต่อสู้แขนงอื่นด้วย และประสบความสำเร็จในกติกาใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ
วันนี้เราขอพาทุกคนมารู้จักกับแชมป์โลก ONE ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเพียง 7 คนเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจริยะนักสู้ สามารถนั่งครองบัลลังก์มากกว่า 1 กติกา
#1 สามเอ ไก่ย่างห้าดาว
อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.)
อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย และ คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.)
นับตั้งแต่ ONE เริ่มต้นเปิดการแข่งขันกติกามวยไทย และ คิกบ็อกซิ่ง ในปี 2561 “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการประเดิมนั่งบัลลังก์เป็นแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) ในปี 2561 คนแรก ก่อนจะมาเสียแชมป์เส้นนี้ให้ “The General” โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี ในปี 2562
โดยหลังจากเสียแชมป์ “สามเอ” ตัดสินใจลดน้ำหนักลงมาสู้รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.) สร้างตำนานอีกครั้งด้วยการผงาดเหนือบัลลังก์ 2 ประเภทกีฬาคนแรกของรุ่นนี้ เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งด้วยการเอาชนะ “Golden Boy” หวัง จึงกวง ในศึก MARK OF GREATNESS เมื่อ 6 ธ.ค.62 และจากนั้นก็เอาชนะ “Rocky” ร็อกกี อ็อกเดน ในศึก King of the Jungle เมื่อ 28 ก.พ.63 คว้าแชมป์โลก ONE มวยไทยได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันแชมป์ 2 เส้นนี้อยู่ในการครอบครองของ “พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย”
#2 แสตมป์ แฟร์เท็กซ์
อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย และ คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.)
แชมป์โลก ONE การต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นอะตอมเวต
แชมป์ ONE MMA เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง
รายต่อมาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” เจ้าของฉายา “นักมวยปากแดง” นักสู้หญิงคนแรกที่ประสบความสำเร็จครองแชมป์โลกถึงสองประเภทกีฬา ทั้งคิกบ็อกซิ่งและมวยไทย ในช่วงปี 2561-2563 โดยเธอเปิดตัวครั้งแรกด้วยการชิงบัลลังก์คิกบ็อกซิ่งจาก “ไค่ ถิง ฉวง” แชมป์โลกชาวไต้หวัน เมื่อ 6 ต.ค.61 พร้อมกับเดินหน้าคว้าเข็มขัดเส้นที่สองในกติกามวยไทยด้วยการเอาชนะ “JT” เจเน็ต ท็อดด์ นักชกสาวชาวอเมริกัน-ญี่ปุ่น เมื่อ 22 ก.พ.62 ครองแชมป์โลก 2 กติกาได้สำเร็จ
แต่เมื่อเข้าปี 2563 “แสตมป์” เสียแชมป์โลกทั้ง 2 เส้นในเวลาห่างกัน 6 เดือน โดยเริ่มต้นจากการเสียเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งจากการแพ้คะแนน “เจเน็ต” คู่ปรับเก่า และแพ้คะแนนเสียงข้างมาก (ชนะ 2 เสมอ 1) ให้กับ “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” นักสู้หญิงบราซิล เสียเข็มขัดมวยไทย ซึ่ง “อัลลิเซีย” ยังคงเป็นเจ้าของแชมป์โลกมวยไทยของรุ่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน ส่วนแชมป์คิกบ็อกซิ่ง ที่ในอดีตเคยเป็นของ “แสตมป์” ปัจจุบันอยู่บนไหล่ของ “เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” แชมป์โลกรุ่นน้องชาวไทยนั่นเอง
โดยหลังจากนั้น “แสตมป์” มุ่งมั่นเบนเข็มสู่สาย MMA และค่อย ๆ ปั้นฟอร์มไต่อันดับขึ้นมาตลอด 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2564-2566 ซึ่งเจ้าตัวเคยคว้าแชมป์โลก ONE MMA เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวต ในปี 2564 โดยการเอาชนะซับมิชชัน “ริตู โฟกาต” ในศึก Winter Warriors เมื่อ 3 ธ.ค.64 และได้โอกาสขึ้นชิงแชมป์โลกครั้งแรก แต่ก็อกหักพ่ายให้กับ “Unstoppable” แองเจลา ลี เจ้าของบัลลังก์คนก่อนหน้านี้ในศึก ONE X เมื่อ 26 มิ.ย.65
แต่ในที่สุด ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร เธอขึ้นถึงจุดสูงสุดด้วยการเอาชนะ “Arale Chan” ฮาม ซอ ฮี นักสู้สาวชาวเกาหลีใต้ คว้าเข็มขัดแชมป์โลก MMA เป็นเส้นที่ 3 ในศึก ONE Fight Night 14: แสตมป์ vs ซอ ฮี เมื่อ 30 ก.ย.66 และสร้างประวัติศาสตร์การเป็นนักกีฬาหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถครองแชมป์โลกใน 3 ประเภทกีฬา
#3 เจเน็ต ท็อดด์
อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง และมวยไทย รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.)
นักสู้สาวลูกครึ่ง อเมริกัน-ญี่ปุ่น “JT” เจเน็ต ท็อดด์ เริ่มต้นการต่อสู้ใน ONE ด้วยการได้ชิงบัลลังก์มวยไทยกับ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” แต่ก็อกหักแพ้คะแนนไป แต่ก็กลับมาล้างตาสาวไทยได้สำเร็จในการท้าชิงบัลลังก์คิกบ็อกซิ่ง เมื่อปี 2563 และคว้าเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งมาครอง
หลังจากนั้นเจ้าตัวข้ามสายไปล่าแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.) เฉพาะกาล ในปี 2565 เนื่องจากว่า “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” เจ้าของบัลลังก์มวยไทยตัวจริง ตั้งครรภ์และทำหน้าที่คุณแม่ จึงไม่สามารถมาป้องกันแชมป์ได้ จึงทำให้ ONE จัดหาแชมป์เฉพาะกาล ซึ่งไฟต์นั้น “เจเน็ต” เอาชนะคะแนน “ลารา เฟอร์นานเดซ” คว้าเข็มขัดเส้นที่ 2 มาได้สำเร็จ แต่การครองเข็มขัด 2 เส้นของเธออยู่ได้ไม่นาน เมื่อ “อัลลิเซีย” กลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้ง จึงได้มีไฟต์รวมเข็มขัดเกิดขึ้นและ “เจเน็ต” ก็แพ้คะแนนไปในปี 2566
วินาทีอำลาสังเวียนของ “เจเน็ต ท็อดด์”
หลังจากแพ้ “อัลลิเซีย” เธอหายจากสังเวียนไปนานเกือบ 1 ปี ก่อนจะกลับมาป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง ในไฟต์อำลาสังเวียนกับ “เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” นักสู้หญิงไทย ในศึก ONE Fight Night 20: เจเน็ต vs เพชรจีจ้า เมื่อ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไฟต์อำลาสังเวียนของเธอจบลงด้วยการแพ้คะแนน และแม้จะลงจากบัลลังก์ด้วยความพ่ายแพ้ แต่เธอได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานนักสู้หญิงของรุ่นนี้ตลอดกาล
#4 รีเกียน เออร์เซล
แชมป์โลก ONE มวยไทย
อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นไลต์เวต (155-170 ป.)
“The Immortal (นักฆ่าอมตะ) ” รีเกียน เออร์เซล” ราชันมวยไทย รุ่นไลต์เวต (155-170 ป.) คนปัจจุบัน ที่ถือเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างมากใน ONE โดยจุดเริ่มต้นของเข็มขัดเส้นแรกของราชันรุ่นไลต์เวต เกิดขึ้นจากการได้เจอกับ “นิกี โฮลสเกน” นักชกคิกบ็อกซิ่งระดับตำนานจากเนเธอร์แลนด์ ในศึก ONE: ENTER THE DRAGON เมื่อเดือน พ.ค.62 และไฟต์นั้นจบลงด้วยการชนะคะแนน ส่งให้เขานั่งแท่นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง คนแรกของรุ่นไลต์เวต
หลังจากขึ้นนั่งบัลลังก์คิกบ็อกซิ่งและป้องกันตำแหน่งมาได้ 4 ครั้งติดต่อกัน เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือน ต.ค.65 ONE ได้จัดศึกชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นไลต์เวต เป็นครั้งแรก ซึ่ง “รีเกียน” ได้โอกาสข้ามสายมาเจอกับนักชกไทย “สินสมุทร กลิ่นมี” ในศึก ONE Fight Night 3: จอห์น vs ฟาบริซิโอ เมื่อ 22 ต.ค.65 ซึ่งวันนั้น “รีเกียน” เบียดเอาชนะคะแนน “สินสมุทร” ไปได้ และสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นครองตำแหน่ง “ดับเบิลแชมป์” ทั้งกติกามวยไทย และ คิกบ็อกซิ่งของรุ่นไลต์เวตในเวลาเดียวกัน
รีเกียน vs อเล็กซิส (6 เม.ย.67)
อย่างไรก็ตาม สถานะ “ดับเบิลแชมป์” ของ “รีเกียน” ก็มีอันต้องกลายเป็นอดีตจากการแพ้คะแนนผู้ท้าชิง “Barboza” อเล็กซิส นิโคลัส นักชกชาวฝรั่งเศส ในไฟต์ป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งครั้งที่ 5 ของเขา ในศึก ONE Fight Night 21: รีเกียน vs อเล็กซิส เมื่อ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ในปัจจุบันเจ้าตัวครองเข็มขัดมวยไทยเพียงเส้นเดียวเท่านั้น
#5 โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี
อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.)
แชมป์โลก ONE มวยไทย และ คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.)
ในบรรดาแชมป์โลกหลายกติกาทั้ง 7 ราย จะขาดเขาคนนี้ไปไม่ได้ “The General” โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี นักชกอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายใน วัน แชมเปียนชิพ
จุดเริ่มต้นความสำเร็จของเขาเริ่มขึ้นในปี 2562 จากการขึ้นท้าชิงบัลลังก์มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) ของ “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” ตำนานนักชกไทยและสามารถเอาชนะคะแนน คว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นแรกได้สำเร็จ ในศึก FOR HONOR เมื่อ 3 พ.ค.62
แต่ในอีก 3 เดือนหลังจากนั้น เขาเสียเข็มขัดเส้นนี้ให้กับ “The Iron Man” รถถัง จิตรเมืองนนท์ ในศึก DAWN OF HEROES เมื่อ 2 ส.ค.62 ซึ่งหลังจากนั้นได้มีโอกาสท้าชิงบัลลังก์คืนจาก “รถถัง” แต่ก็ถูกอัดหนักแพ้ทีเคโอซ้ำมาอีก ต่อมา เนื่องด้วยปัญหาการทำน้ำหนัก เจ้าตัวจึงตัดสินใจขยับขึ้นไปสู้ในรุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.)
โจนาธาน vs น้องโอ๋ (22 เม.ย.66)
หลังจากการขยับสู่รุ่นที่ใหญ่ขึ้น เจ้าตัวได้รับโอกาสขึ้นท้าชิงบัลลังก์ของ “น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย” เจ้าของบัลลังก์มวยไทย ณ ขณะนั้น ซึ่งเขาช็อกโลกด้วยการปล่อยหมัดชุดน็อก “น้องโอ๋” ตั้งแต่ยกแรก ในศึก ONE Fight Night 9: น้องโอ๋ vs โจนาธาน เมื่อ 22 เม.ย.66
มิหนำซ้ำไฟต์ต่อมา เจ้าตัวก็ได้โอกาสชิงบัลลังก์คิกบ็อกซิ่งที่ว่าง หลังจากการโดนปลดของ “เพชรทนง” และจัดการไล่น็อก “Wonder Boy” ฟาบริซิโอ อานดราเด แชมป์โลก ONE MMA รุ่นแบนตัมเวต จากบราซิลที่ข้ามสายมาชิงเข็มขัด ในศึก ONE Fight Night 16: โจนาธาน vs ฟาบริซิโอ เมื่อ 4 พ.ย.66 ขึ้นแท่นแชมป์โลก 2 กติกาของรุ่นแบนตัมเวตคนปัจจุบัน และเจ้าตัวยังมีแผนจะล่าแชมป์ MMA ในอนาคตอีกด้วย
โดย “โจนาธาน” เตรียมขึ้นสังเวียนป้องกันบัลลังก์มวยไทยของตัวเอง ในศึก ONE 168: Denver ในวันเสาร์ที่ 7 ก.ย.นี้ โดยจะเจอกับ “เครื่องจักรนักเตะ” ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) ที่จะปีนเวตขึ้นมาล่าเข็มขัดเส้นที่ 2
#6 โรมัน เคร็กเคลีย
แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นไลต์เฮฟวีเวต (205-225 ป.)
แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฮฟวีเวต (225-265 ป.)
แชมป์ ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฮฟวีเวต (225-265 ป.)
แชมป์โลกรุ่นยักษ์ใหญ่ “โรมัน เคร็กเคลีย” จากรัสเซีย ประเดิมชก ONE ด้วยการชิงแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง รุ่นไลต์เฮฟวีเวต (205-225 ป.) ในปี 2562 โดยเอาชนะทีเคโอ “ทาริก คาบีเบ็ซ” ในยก 2 คว้าเข็มขัดเส้นแรกให้กับตัวเองได้สำเร็จ
นอกจากจะป้องกันเข็มขัดทองของตัวเองแล้วนั้น เจ้าตัวยังเบนเข็มไปลงแข่งขันทัวนาเมนต์ ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฮฟวีเวต (225-265 ป.) ในปี 2565 และสามารถฝ่าด่านจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะเอาชนะทีเคโอ “อิราจ อาซิซพอร์” ในศึก ONE 163: ฮิโรกิ vs เพชรทนง เมื่อ 19 พ.ย.65 คว้าแชมป์ทัวนาเมนต์ได้สำเร็จ
โดยหลังจากนั้นเจ้าตัวหายจากสังเวียนไปนาน 1 ปีกว่า ก่อนจะได้โอกาสมาล่าบัลลังก์มวยไทย รุ่นเฮฟวีเวต ที่ ONE จัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรก และจัดการน็อก “The Viking” อเล็กซ์ โรเบิร์ตส์ นักชกจากออสเตรเลีย ในศึก ONE Fight Night 17: โรมัน vs อเล็กซ์ เมื่อ 9 ธ.ค.66 คว้าเข็มขัดสีทองเส้นที่ 2 มาคล้องบ่า นั่งแท่นราชันคิกบ็อกซิ่ง รุ่นไลต์เฮฟวีเวต และ มวยไทย รุ่นเฮฟวีเวต อยู่ในปัจจุบัน
#7 พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย
แชมป์โลก ONE มวยไทย และ คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.)
รายสุดท้ายสด ๆ ร้อน ๆ กับ “พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย” เจ้าของฉายา “ฉายเป็นชุด” มวยฝีมือมันสมองเฉียบคม ที่ผ่านสังเวียนมาแล้วหลายร้อยไฟต์ โดยเจ้าตัวเริ่มต้นกับ ONE ในปี 2564 ไฟต์แรกได้ขึ้นชิงบัลลังก์มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.) กับ “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” และสามารถเอาชนะคะแนนเสียงข้างมาก (ชนะ 2 เสมอ 1) คว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นแรกได้สำเร็จ แต่เจ้าตัวก็ต้องมาอกหักเสียแชมป์ให้กับ “THE HURRICANE” โจเซฟ ลาซิรี ในปี 2565
โดยหลังจากเสียแชมป์โลกเจ้าตัวมุ่งมั่นทำฟอร์มใหม่ชนะ 3 ไฟต์รวด ซึ่ง 1 ในนั้นคือการชนะ “สามเอ” คว้าตำแหน่งแชมป์โลกมวยไทย รุ่นสตรอว์เวต เฉพาะกาล มาครองได้สำเร็จ จนกระทั่ง ONE จัดศึกรวบเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ทำให้เจ้าตัวได้กลับไปปะทะกับ “โจเซฟ” อีกครั้งและคราวนี้สามารถเอาชนะน็อก ตั้งแต่ยกแรก ในศึก ONE ลุมพินี 46: ตะวันฉาย vs ซุปเปอร์บอน เมื่อ 22 ธ.ค.66 กลับมาเป็นเจ้าของบัลลังก์มวยไทยที่เคยครอง
โจนาธาน vs พระจันทร์ฉาย (28 มิ.ย.67)
ล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เอาชนะคะแนน “โจนาธาน ดิ เบลลา” นักสู้อิตาลี-แคนาดา เจ้าของแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวตคนเก่า คว้าเข็มขัดเส้นที่ 2 ได้สำเร็จ ในศึก ONE ลุมพินี 68: พระจันทร์ฉาย vs โจนาธาน เมื่อ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา และสถาปนาขึ้นเป็นแชมป์โลก 2 กติกาคนล่าสุด