“The General” โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี แชมป์โลก ONE มวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) จากสหราชอาณาจักร ประกาศกร้าวพร้อมป้องกันบัลลังก์จาก “เครื่องจักรนักเตะ” ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135) ที่ปีนเวตขึ้นมาท้าทายอำนาจ โดยจะชกกันในฐานะคู่เอกของ ศึก ONE 168: Denver ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมถ่ายทอดสดในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วง 07.00 น. ของเช้าวันเสาร์ที่ 7 ก.ย. นี้ ตามเวลาไทย
ผลงาน 5 ไฟต์หลังของ “แฮ็กเกอร์ตี” ใน ONE
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 “แฮ็กเกอร์ตี” และ “ซุปเปอร์เล็ก” เคยประชันฝีมือกันมาแล้ว 1 ครั้ง ที่ประเทศอังกฤษ โดยคราวนั้นเป็นทางนักสู้ขวัญใจคนไทยที่บุกไปเอาชนะทีเคโอได้ถึงถิ่น มาถึงตอนนี้ทั้งคู่ต่างพัฒนาฝีมือขึ้นมามาก และต่างอยู่ในจุดสูงสุดขององค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฐานะแชมป์โลก ONE ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ “แฮ็กเกอร์ตี” จะได้บรรลุสองเป้าหมาย ทั้งการถอนแค้นคู่ปรับเก่า และป้องกันบัลลังก์มวยไทยต่อเนื่องเป็นครั้งที่สอง
ตอนนี้ “แฮ็กเกอร์ตี” กำลังอยู่ในช่วงพีกมากที่สุดของอาชีพ เมื่อเดินหน้าเก็บชัยรวดตลอด 6 ไฟต์หลังสุดใน ONE นั่งแท่นเป็นแชมป์โลกมวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง อย่างยิ่งใหญ่ แม้ว่าตอนนี้กำลังต้องเจอกับงานช้างอย่างนักชกที่ขึ้นชื่อว่าเก่งทีสุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์อย่าง “ซุปเปอร์เล็ก” เจ้าตัวก็พร้อมพิสูจน์ตัวเองว่าใครกันแน่คือนักมวยที่เก่งที่สุดในโลก
ดูโพสต์นี้บน Instagram
“นี่เป็นโอกาสที่ผมจะได้สู้กับหนึ่งในนักชกปอนด์ต่อปอนด์ที่ดีที่สุดในโลก ผมเชื่อว่าเขาเป็นหนึ่งในนักมวยไทยที่ดีที่สุด ผมตื่นเต้นแทนแฟน ๆ ที่จะได้เห็นผมสู้กับ ซุปเปอร์เล็ก มันจะเป็นการชกที่สนุก ดุเดือด ผมรู้สึกว่ามีหลายคนอยากให้การชกครั้งนี้เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงตัวผมด้วย”
“สไตล์การชกของเราคล้ายคลึงกัน คือมีความดุดัน และหวังจะเอาชนะน็อกอีกฝ่ายให้ได้ ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในระดับที่สูสีกันมาก เขาเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดในรุ่นฟลายเวต ส่วนผมเก่งที่สุดในรุ่นแบนตัมเวต ก็สมควรแล้วที่ให้เราสองคนมาเจอกัน และดูว่าใครเก่งที่สุด”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ขณะที่ “แฮ็กเกอร์ตี” กำลังมั่นใจในฟอร์มสวยสดของตัวเอง ซึ่งรวมถึงชัยชนะในแมตช์ชิงแชมป์โลกสามครั้งหลังสุดด้วย ในทางกลับกัน “ซุปเปอร์เล็ก” ก็ร้อนแรงไม่แพ้กันด้วยสถิติชนะรวด 10 ไฟต์ และเคยเอาชนะดาวดังอย่าง “รถถัง จิตรเมืองนนท์” และ “ทาเครุ เซกาวา” จากญี่ปุ่น มาแล้ว ทำให้จอมบู๊จากแดนผู้ดีและทีมงานรู้ว่ามีงานหนักรออยู่ข้างหน้า และต้องวางแผนการต่อสู้มาเป็นอย่างดี
“ผมเชื่อมั่นในตัวของ คริสเตียน โนลส์ โค้ชของผม เขาติดตามผลงานของ ซุปเปอร์เล็ก อยู่เรื่อย ๆ และนำสิ่งที่ศึกษามาปรับใช้ในการฝึกซ้อม เรารู้ว่าจุดอ่อนและจุดแข็งของเขาคืออะไร ผมจะไม่เผยไต๋มากเกินไป เขาชอบโจมตีทางฝั่งขวา นั่นคือจุดเด่นที่ดีที่สุดของเขา ซึ่งมีทั้งลูกเตะและลูกศอก เราเตรียมหลายอย่างไว้รับมือเขาแล้วในวันที่ 7 ก.ย.นี้”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
แม้ว่า “แฮ็กเกอร์ตี” จะยอมรับในความยอดเยี่ยมของ “ซุปเปอร์เล็ก” มากแค่ไหน แต่เขาก็ยังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า จะรักษาเข็มขัดสีทองอร่ามเส้นนี้ให้อยู่กับตัวเองได้ต่อไปเหมือนเดิม โดยหากตนสามารถชกได้เต็มศักยภาพ และรักษาฟอร์มเก่งแบบที่คุ้นเคย ก็น่าจะดับฝันของผู้ท้าชิงชาวไทยได้ไม่ยาก
“ผมรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร ผมรู้ว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหน ผมทุ่มเทฝึกซ้อมเต็มที่ โค้ชเชื่อมั่นในตัวผม ดังนั้น ตราบใดที่ผมทุ่มเทเต็มที่ ผมก็เชื่อว่าไม่มีใครหยุดผมได้”
นอกจากภารกิจป้องกันเข็มขัดสุดหวงทั้งสองเส้นที่มีอยู่เอาไว้ให้ได้นานที่สุดแล้ว “แฮ็กเกอร์ตี” ยังมีความกระหายอยากเพิ่มเข็มขัดอีกเส้นเข้าไปประดับตู้โชว์ของตัวเองหลังจากไฟต์นี้จบลง โดยเจ้าตัวพร้อมถอยกลับไปชกในรุ่นฟลายเวตที่ตนเองคุ้นเคยอีกครั้ง โดยล็อกเป้าไปที่เข็มขัดคิกบ็อกซิ่งของ “ซุปเปอร์เล็ก”
“ผมยังคิดถึงเรื่องการได้กลับมาชกในรุ่นฟลายเวตอยู่ พ่อของผมมักจะบอกเสมอว่า ผมสามารถทำได้ และใครจะไปรู้ ถ้าเกิดผมเอาชนะ ซุปเปอร์เล็ก ได้ในไฟต์นี้ ผมอาจจะลดลงไปชกในรุ่นฟลายเวต และท้าชิงเข็มขัด ONE คิกบ็อกซิ่ง จากเขาก็ได้”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ดูโพสต์นี้บน Instagram
เท่านั้นยังไม่พอ “แฮ็กเกอร์ตี” พร้อมเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอความท้าทายใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยนอกจากมีแผนป้องกันแชมป์โลก ONE มวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง เป็นหลักแล้ว เจ้าตัวยังวางแผนถึงการข้ามสายไปสู้ในกติกา MMA เพื่อลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นเจ้าของเข็มขัด 3 กติกาให้ได้ด้วย
“ผมอยากป้องกันแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งให้ได้ก่อน เพราะตอนนี้ผมมีทั้งเข็มขัดมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งแล้ว ผมอยากก้าวหน้าต่อ โดยมองไปที่เข็มขัดแชมป์โลก MMA ที่เป็นเป้าหมายต่อไปของผมเหมือนกัน”